วันอังคารที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2552

Nvidia Graphic Plus



หลังจากที่ปล่อยให้ ATI ปล่อย Radeon ซีรี่ส์ 4 ออกมาทำตลาดโดยที่ประสิทธิภาพของ Radeon HD ซีรี่ส์ 4 ก็กินขาดการ์ดของ Nvidiaวันนี้ยักษ์เขียว Nvidia กลับมาพร้อมกับแคมเปญใหม่ พร้อมสโลแกนที่ว่า"Nvidia Graphic Plus"ซึ่งNvidia ปล่อยประโยคเด็ด "Nvidia เป็นมากกว่ากราฟฟิคเพื่อใช้เล่นเกมส์"วันนี้เราจะมาดูรายละเอียดคร่าวๆก่อนว่า"Nvidia Graphic Plus"แท้จริงแล้วมีอะไรเปลี่ยนแปลง หรือใส่เทคโนโลยีอะไรใหม่ๆเข้ามาบ้างมาดูกันครับ
******ความหมายของ "Nvidia Graphic Plus"ระบบประมวลผลทางฟิสิกส์(PhysX)ระบบเกมส์สามมิติเยี่ยงการดูหนัง IMAX (3D stereo)ระบบประมวลผมวีดีโอ (Video Processing)ระบบประมวลผลด้านภาพถ่าย (Image Processing) การที่จะเรียกว่า"Nvidia Graphic Plus"ได้นั้นต้องมีองค์ประกอบด้วยระบบทั้ง 4 ที่กล่าวไว้ข้างต้นครับโดยการ์ดที่รองรับ"Nvidia Graphic Plus"ได้นั้นจะเป็นNvidia GForce ซีรี่ส์ 8 ขึ้นไปครับ
****ระบบประมวลผลทางฟิสิกส์(PhysX)PhysX คือระบบฟิสิกส์ ต่างๆรวมไปถึงการตกกระทบของวัตถุต่างๆ การกระเด็น ของวัตุถุต่าง ภายในฉากให้เหมือนจริงโดยอ้างอิงจากแรงโน้นถ่วงของโลก
เช่นเศษหินเศษปูนที่ถูกระเบิดหรือถูกปืนยิงแล้วฟุ่งกระจายเป็นต้นเมื่อก่อน PhysX
จะใช้ได้ก็ต่อเมื่อมีการ์ดประมวลผลฟิสิกส์โดยเฉพาะอีกตัวหนึ่ง แยกต่างหาก
จากการ์ดจอ และก็มีเพียงค่าย AGEIA เท่านั้นที่ผลิตการ์ดฟิสิกส์
แต่ปัจจุบัน AGEIA ถูก Nvidia เทคโอเวอร์ไปแล้วทำให้การ์ด Nvidia G8 ซีรี่ส์
ขึ้นไปสามารถเปิดการประมวลผลPhysXได้โดยเพียงแค่โหลดไดร์เวอร์ที่ Nvidia
เตรียมไว้ติดตั้งเข้าไปก็สามารถใช้งานได้ทันที
****ระบบเกมส์สามมิติเยี่ยงการดูหนัง IMAX 3D (3D stereo)ระบบ 3D stereo
เป็นเหมือนระบบสามมิติของ IMAX แต่ถ้าใครไม่เคยชมIMAX มาก่อนขอ
อธิบายสั้นๆว่ามันคือ ระบบสามมิติทะลุจอนั่นเองโดยการใช้งานจำเป็นต้อง
มีอุปกรณ์เสริมที่เรียกว่า "GForce 3D visionActive Glasses และจอภาพที่
รองรับระบบ 3D Stereo ด้วยในมุมมองของเหล่าเกมส์เมอร์อาจจะดูไม่คุ้มค่านัก
แต่ปี 2009 นี้ระบบ 3D stereo จะถูกปัดฝุ่นใหม่แล้วบรรจุลงในการ์ด
ของ Nvidiaและตอนนี้เหล่านักพัฒนาเกมส์กำลังพัฒนาระบบนี้อยู่ด้วย
เป็นไปได้ว่าในอนาคตอันไกล้นี้เราจะได้เล่นเกมส์ทะลุจอกันแน่ๆ

****ระบบประมวลผมวีดีโอ (Video Processing)/
ระบบประมวลผลด้านภาพถ่าย (Image Processing)
ทั้ง 2 ระบบนี้ขอรวมเป็นหัวข้อเดียวเพราะว่าจุดกำเนิดมาจากเทคโนโลยี CUDA
โดยเทคโนโลยี CUDA เป็น API ที่ใช้คำสั่งสั่งงาน GPU ให้ทำงานได้เหมือน
เป็นCPU อีกตัว ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว GPU จะทำงานเร็วกว่า CPU มากเมื่อทำงาน
ร่วมกับโปรแกรมที่สนับสนุน(เพราะมีจำนวนคอร์ที่มากกว่า)และการ์ดจอที่ใช้ได้ก็
ซีรี่ส์ 8 ขึ้นไปอีกแล้วคับท่านปลายปี 2008 ในส่วนของโปรแกรมที่สนับสนุน
ระบบVideo Processingยังมีไม่มากนัก ส่วนมากจะอยู่ในช่วงพัฒนาครับ
เพราะยังเป็นเรื่องใหม่อยู่ระบบประมวลผลด้านภาพถ่าย (Image Processing)
ก็มี Adebe Creative Suits 4 ที่รองรับได้ ถ้าโปรแกรมสามารถซัพพอร์ท
ได้เต็มที่จะสามารถทำงานเกี่ยวกับภาพความละเอียดสูงได้ดีขึ้นเช่นภาพถ่าย
จากกล้อง DSLR ที่เป็นไฟล์ RAW เพราะโปรแกรมจะนำเอา OpenGL มาใช้งานร่วมด้วย
สรุปตอนนี้ก็พอจะมองเห็นกันลางๆแล้วครับว่าการ์ดรุ่นใหม่ๆที่ทาง Nvidia
จะขนออกมาสู้กับ ATI จะออกมาหน้าตาเป็นอย่างไรแล้วเทคโนโลยี
"Nvidia Graphic Plus" จะคุ้มค่าหรือแค่ "ราคาคุย"เอาไว้ถ้า Nvidia เปิดตัว
เมื่อไหร่ จะรีบนำมาพรีเซ้นท์ให้นะแต่จากที่ไปอ่านเจอ บ้างก็ว่าดีภาพสวยขึ้นมาก
บ้างก็ว่าไม่ดีหน่วงการ์ด ความร้อนสูงความเร็วการ์ดตก แต่ยังไม่มีพรีวิวการทดสอบแบบ
จริงๆจังๆเลยยังไม่อยากเอามาเล่าให้ฟัง.....แต่ตอนนี้...
ถ้าจะซื้อการ์ดสักตัว Radeon HD 4xxx นะครับเหตุผลน่ะหรือ??
แรง เร็ว ถูกตังค์ (แค่เนี้ย..พอป้ะ)

ขอบคุณข้อมูลดีๆจากนิตยสาร Weekly Online

วันอาทิตย์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2552

Flash Drive 64 GB

สีแดง 64 G เทียบกับสีขาว 4 G

เริ่มต้น…เปิดตัวโอะ โอะ โอ้ย...อะไรกันนี่ กับความจุใหญ่โตมโหฬารอะไรจะปานนี้

มีด้วยเหรอครับ งง (ผมเองยังงง <*:*>) ไม่น่าเชื่อว่าความจุอย่างแฟลชไดร์ฟ

จะสามารถขยายหน่วยความจำออกไปได้ไกลถึงเพียงนี้ ไกลสุดๆ ถึง 64GB ครับ

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อละครับ ว่ามันมีจริงๆ ปรากฏแล้ว ที่นี่ ที่เดียว กับเว็ป i3 ของเรา

เป็นที่แรก กับการลองของจริง (ที่ไม่เกี่ยวกับป๋อง กมล ทองพลับ) กับแฟลชไดร์ฟ

จาก Kingston ที่ได้รับมาในการทดสอบครั้งนี้ กับความจุขนาดมหึมา ใหญ่โตซะ ที่

สามารถใส่อะไรก็ได้ ที่ไม่มีวันเต็ม และไม่มีวันหมด (ขนาดฮาร์ดดิสก์ลูกเก่าที่บ้านผม

60GB ยังไม่เต็มเลยครับ เน้นเก็บโปรแกรมอย่างเดียว) อ้อ..ผมมีฮาร์ดดิสก์ 2 ลูกครับ

อีกลูกขนาด 500GB ไว้เน้นลงวินโดว์ ถ้าจะว่าไปแล้วความจุขนาด 64GB

จะเปรียบเสมือนฮาร์ดดิสก์ขนาดหนึ่งลูกก็ยังได้ครับ ยิ่งปัจจุบันมีฮาร์ดดิสก์

แบบใหม่ ที่เค้าเรียกว่า Solid State Drive หรือเรียกย่อๆ ว่า SSD นั่นเองครับ

กับความจุขนาดนี้ ก็มีตั้งแต่ 8GB, 16GB, 32GB, 64GB เป็นต้น ซึ่ง

ขนาดความจุของ SSD นั้น ก็ไม่ได้แตกต่างไปจากแฟลชไดร์ฟ 64GB

จาก Kingston ครับ โดยรวมแล้วเหมาะสำหรับผู้ที่เก็บไฟล์ขนาดใหญ่

เป็นจำนวนมาก ที่นับวันมีแต่จะเพิ่มขึ้น

แล้วคุณละจะเก็บอะไรดี ประโยคนี้ไม่ต้องมัวคิดให้เสียเวลาเลยครับ

กับความจุขนาดใหญ่แบบนี้ ที่สามารถใส่อะไรก็ได้ตามแต่ใจเราต้องการ

ไม่ว่าไฟล์นั้นจะเป็นอะไรก็แล้วแต่ เช่น ไฟล์ติดตั้งซอฟต์แวร์ ไฟล์

โหลดบิตทอร์เร้นต์ ไฟล์ติดตั้งเกมออนไลน์ จะยกโขยงกันมาทีเดียว

หรือทยอยกันมาก็ไม่หวั่น เช่น ไฟล์ติดตั้ง .exe อย่างเกมออนไลน์

เราสามารถจับใส่ได้ตั้งแต่เกม Dekaron, Luna Online, Raycity,

DotA-AllStars, FIFA Online 2, Freestyle, Hip Street, Kart Rider,

Pangya, Point Blank, Pucca Racing และ Sudden Attack เห็นมั้ยละครับ

มีแต่เกมที่น่าเล่นทั้งนั้นเชียว แบบนี้ก็สามารถพกพาไปไหนก็ได้ แบบว่า

นึกอยากเล่นเกมไหน ก็ลงติดตั้งได้ทันที โดยไม่ต้องเสียเวลาหาแผ่น Client

ให้ยุ่งยากอีกต่อไป หรือมัวเสียเวลารอกับการดาวน์โหลดจากเว็บไซต์

ที่อืดอาด ยืดยาด นานนับชั่วโมง




Kingston ผู้นำด้านการพัฒนาเทคโนโลยีสำหรับหน่วยความจำระดับโลก

ประกาศเปิดตัว และจำหน่าย ยูเอสบีแฟลชไดร์ฟรุ่นใหม่

DataTraveler 150 (DT150) มาพร้อมความจุสะใจวัยโจ๋ขนาด 64GB

ที่ช่วยให้คุณจัดเก็บข้อมูลได้มากขึ้นกว่าแต่ก่อนบนไดร์ฟเพียงตัวเดียวเท่านั้น

หมดอุปสรรคจากการจัดเก็บข้อมูลไม่ได้อีกต่อไป โดยเป็นแฟลชไดร์ฟที่มี

ความจุสูงมากที่สุดในตอนนี้ มากกว่ายี่ห้ออื่นๆ ที่เคยเห็นมา

(อย่างตอนนี้ Kingmax กับความจุ 16GB เท่านั้นครับ) ช่วยให้ผู้ใช้สามารถ

จัดเก็บข้อมูลที่เกี่ยวกับการทำงาน รวมทั้งข้อมูลส่วนตัวเอาไว้

ในไดร์ฟเดียวกันได้สะดวก รวดเร็ว เพิ่มความสะดวกสบาย

พร้อมใช้งานได้ทันที มีพื้นที่สำหรับจัดเก็บข้อมูลอื่นๆ เหลืออีกมากมาย

โดยผู้ใช้สามารถโอนถ่ายและใช้งานข้อมูลดิจิตอลต่างๆ ได้อย่างสะดวก

ไม่ว่าจะเป็นคลังเพลงในรูปแบบไฟล์ MP3 หรือจะคลังเพลงใน

รูปแบบไฟล์ Audio ที่มีขนาดใหญ่และกินพื้นที่มากก็ตาม หรือจะเก็บ

รูปถ่ายจากกล้องดิจิตอลที่มีความละเอียดสูง นอกจากนี้ยังรวมถึง

ภาพวิดีโอ เอกสารทางธุรกิจจะขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ก็ไม่หวั่น

รวมทั้งรายงานวิทยานิพนธ์ หรือแม้แต่ภาพเคลื่อนไหวที่ต้องใช้เนื้อ

ที่มากก็ตามกับ YouTube หรือ Clip VDO เอาเป็นว่าเก็บได้ครบ

ทั้งหมดโดยไม่ต้องเปลี่ยนแฟลชไดร์ฟตัวใหม่ ให้ยุ่งยาก เสียเวลา

และเสียเงินครับ


ผลทดสอบที่แสดงให้เห็นถึงความจุขนาด 4GB ใช้เวลาอ่านข้อมูลที่ 2.6ms

(ค่ายิ่งน้อยยิ่งเข้าถึงข้อมูลได้เร็ว)ส่วนอัตรารับ/ส่งข้ิอมูลเฉลี่ยอยู่ที่ 10.6 MB/sec




สนับสนุนรูปแบบไฟล์ประเภท FAT32



ถึงแม้ว่าความจุ 64GB ใช้เวลาอ่านข้อมูลเฉลี่ยอยู่ที่ 29.7ms มากกว่าตัว 4GBแต่อัตราการรับ/ส่งข้อมูลที่มากกว่าเท่าตัว 31.1 MB/sec






สนับสนุนรูปแบบไฟล์ประเภท NTFS



ปัญหาความจุ 64GB กับ Windows XP คือ ไม่สามารถ Format จากตัววินโดวส์ได้





แต่ขณะเดียวกันกับ Windows Vista กลับสามารถ Format จากตัววินโดวส์ได้

รูปร่างหน้าตาแฟลชไดร์ฟขนาด 64GB ที่เน้นลวดลายสีสันสะดุดตาและสวยงาม

ด้วยสีแดงตัดกับลายจุดดำ ที่ดูโดดเด่นและลงตัว เปรียบเสมือนจุดขายที่สำคัญ

ของ Kingston ครับ สำหรับการใช้งานนั้นก็ไม่ยากเลย เพียงคลิกแล้วลากเท่านั้น

ผมได้ทดลองโยนไฟล์จากแฟลชไดร์ฟขนาด 4GB ไปที่ 64GB

(ของ Kingston ทั้งคู่ครับ) ผลปรากฏว่าลื่นและเร็วที่สุด แต่ต้องใช้กับ

ระบบปฏิบัติการ Windows Vista เท่านั้นครับ ถึงจะเสถียร และไม่เกิดอาการ

Error ระหว่างการโอนถ่ายข้อมูลครับ ทั้งนี้จากการ Format แล้วพบว่า

สามารถเลือกประเภทของไฟล์ได้ ตั้งแต่ FAT, FAT32 และ NTFS

แต่ในทางกลับกันถ้าใช้กับ Windows XP จะเกิดอาการ Error ให้เห็นบ้าง

เป็นบางครั้ง บางเวลา และจะใช้ระยะเวลานานกับการโอนถ่ายข้อมูล

แต่ที่น่าแปลกใจคือไม่สามารถเลือก Format จากตัววินโดว์ได้ โดยที่รูปแบบ

ไฟล์ก็ไม่ปรากฏให้เห็นครับ จากการทดสอบประสิทธิภาพความเร็ว

ของแฟลชไดร์ฟทั้ง 2 รุ่น 2 ขนาด ด้วยโปรแกรม HD Tune แฟลชไดร์ฟ

ขนาด 4GB มีอัตราการรับ/ส่งข้อมูลเฉลี่ยอยู่ที่ 10.6 MB/sec

(ขนาดเมกะไบต์ต่อวินาที) และเข้าถึงข้อมูลได้เร็วเพียง 2.6 ms เท่านั้น

รวมแล้วใช้พลังงานซีพียูเพียง 3.4% แต่แฟลชไดร์ฟขนาด 64GB

ไม่ได้ใหญ่แต่ความจุอย่างเดียว แต่มีอัตราการรับ/ส่งข้อมูลมากกว่า

ตัว 4GB มีอัตราการรับ/ส่งข้อมูลเฉลี่ยอยู่ที่ 31.1 MB/sec

(ขนาดเมกะไบต์ต่อวินาที) และเข้าถึงข้อมูลได้ช้ากว่า 29.7 ms

ที่ใช้พลังงานจากซีพียูถึง 7.7% จะให้ดีสำหรับ 64GB ตัวนี้ผมแนะนำ

ใช้กับระบบปฏิบัติการ Windows Vista ครับ ด้วยประสิทธิภาพโดยรวม

ที่กล่าวไปแล้วข้างต้น สำหรับราคาขายนั้น จะอยู่ที่ประมาณ 6,200 บาท

(ราคาตอนเปิดตัว) ถือว่าไม่แพงครับ สมเหตุสมผลกับขนาดความจุที่

มากถึง 64GB คุ้มค่าเลยทีเดียว สุดท้ายนี้รองรับระบบปฏิบัติการ

Windows Vista, Windows XP และ Windows 2000

(แต่น่าเสียดายที่ไม่รองรับ Windows ReadyBoost ครับ)

รวมทั้ง Mac OSX 10.3 และ Linux 2.6 นอกจากนี้ยังมาพร้อม

การรับประกันที่ยาวนานถึง 5 ปีเต็ม

ข้อมูลจำเพาะของ Kingston DataTraveler 150 + ความจุสูงสุด 64GB +

ขนาด กว้าง 77.9 มม. x ยาว 22 มม. x สูง 12.05 มม. +

อุณภูมิในการทำงาน 32º ถึง 140 องศาฟาเรนไฮต์

(0 ถึง 60 องศาเซลเซียส) + อุณภูมิในการเก็บข้อมูล -4º ถึง

185 องศาฟาเรนไฮต์ (-20 ถึง 85 องศาเซลเซียส) + ใช้งานง่าย

สะดวกสบาย ใช้ได้ทันทีเพียงเสียบเข้ากับพอร์ต USB+ พกพาสะดวก

ด้วยขนาดกะทัดรัด ที่พกใส่กระเป๋าได้ + รับประกันนาน 5 ปีเต็ม+

ราคาโดยประมาณ 6,200 บาท

ข้อดี+ สีสัน สะดุดตา สวยงาม เอกลักษณ์เฉพาะจาก Kingston+

ความจุขนาดใหญ่ 64GB ที่เก็บข้อมูลได้อย่างจุใจ+ รูปแบบกะทัดรัด

จับง่าย พกพาสะดวก+ ใช้ง่าย เพียงเชื่อมต่อก็ใช้งานได้ทันที

ด้วยพอร์ต USB ข้อสังเกต+ ราคาขณะเปิดตัว จะอยู่ที่ประมาณ

6,200 บาท+ ไม่รองรับฟังก์ชั่น Windows ReadyBoost

ข้อคิดส่วนตัวครับ

แฟลชไดรฟ์แบบเก่าความจุน้อยแต่เร็วกว่า แบบ64G อยู่ประมาณ 12 เท่า

แต่แบบ 64G ส่งข้อมูลได้มากกว่า 3 เท่า.....อันนี้ก็ต้อง มานั่งคิดกันล่ะครับ

ว่าอย่างไหนจะดีกว่ากัน จะเลือกส่งทีละน้อยๆแต่เร็วจี๊ดๆ

หรืออยากได้ ส่งช้าๆ แต่ได้ทีละเยอะๆ..บางทีอาจจะมองที่การใช้งานด้วย

ล่ะครับ...ในราคาเปิดตัว 6 พันกว่าบาท.......................มันเท่ครับ...

แต่จะเอาคุ้มผมว่า Ex. HDD คุ้มกว่าเยอะครับ....ถ้ากลัวจะหนัก

ใช้ขนาด 2.5นิ้ว ความจุ 160 G 2.5นิ้ว ตอนนี้ 2200 บาทเอง

ถ้าเลือกยี่ห้อ ก็ +- 250 บาทเอง ส่วนตัว BOX Ex. ก็มีให้เลือกตั้งแต่

ราคา200- 1000 กว่าๆขึ้นอยู่กับฟังก์ชั่นการใช้งาน

บางตัวก็มีพอร์ทเล่น ไฟล์ วีดีโอ MP3 แล้วต่ออก TV หรือ

เครื่องเล่นอื่นๆ ผมว่าคุ้มกว่าครับ

ขอบคุณข้อมูลจาดเวป i3.in.th

วันศุกร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2552

ประกาศจากทางเวป

ขอประกาศเกี่ยวกับ Blog ซักนิดนะครับ
ขอเลื่อนวันขายสินค้า ออกไปถึงวันที่ 27 กพ. 2009 นี้นะครับ
เนื่องมากจากว่า...เศรษกิจไม่ดี
ทำให้การเดินงานติดต่อกับ ดีลเลอร์
เป็นไปด้วยความล่าช้า.....ต้องขออภัย ณ ที่นี้
แต่ยังไง ความรู้ใหม่ๆก็จะยังเอามาอัพเดทเรื่อยๆครับ

มีMusic VDO มาให้ดูคลายเหงาด้วย
อยากดูอะไรก็โพสต์มาได้นะ จะหามาให้ดู
ถ้าอยากดูเองก็ www.youtube.com

อยากให้แนะนำ Blog กันต่อๆไปครับ
มีคนติดตาม Blog มาคนนึง รู้สึกดียังไงไม่ถูก

การ์ดจอรุ่นใหม่ แรงเทพหรือหลอกขาย



ก่อนเราจะซื้อการ์ดจอควรนึกถึงอะไรบ้าง
แล้วอะไรที่มือใหม่มักจะ หลงกลคนขาย
แล้วอะไรที่ผู้ผลิตพยายามทำให้ สินค้าสามารถขึ้นราคา
แล้วแข่งกันกับคู่แข่งได้ วันนี้เรามาดูการเลือกซื้อการ์ดจอกันครับ
ต่อจากภาค 2
ถ้าไล่ลำดับมาจากเรื่องการ์ดจอ บทความแรก จะเข้าใจ
ได้ละเอียดนะครับ




****Interface(อินเตอร์เฟซ)
ก่อนจะหามาใช้งานเราต้องดูกันก่อนว่าเราอยากได้ การ์ด แบบใดเพื่อให้เข้ากับเมนบอร์ดเรา
ปัจจุบันมีเหลือเพียง 2 แบบเท่านั้นคือ PCI-Xpress 16x และ AGP 8x ซึ่ง
การ์ดแบบ AGP กำลังจะหายไปแล้วเนื่องจากความเร็วต่ำ จะเหลือก็เพียงเอาไว้อัพเกรด
คอมพ์รุ่นเก่าเท่านั้น ในคอมรุ่นใหม่ๆที่ออกมาปัจจุบันจะเป็น
สล็อตแบบ PCI-Express 16x กันหมดแล้วไม่มี slot AGP
มาให้ใช้งานกันอีกต่อไป ในส่วนของไฟเลี้ยงตัว
การ์ดหากเป็นรุ่นเก่าๆหน่อย หรือการ์ดใหม่รุ่นเล็กๆ จะใช้ไฟเลี้ยง
จาก Slot PCI เอง แต่หากเป็นการ์ดที่ต้องการไฟเลี้ยงเพิ่มจะมีช่องไฟเลี้ยง
เพิ่มเติมเข้ามา ส่วนมากจะเป็นหัว Molex แบบ 4 Pin และ 6 Pin

****AGP Interface
อินเตอร์เฟซ แบบ AGP นั้นแบ่งออกเป็น 3 ช่วงใหญ่ๆ
คือ AGP รุ่นแรก AGP 4x , AGP 8x ซึ่ง
AGP เวอร์ชั่นแรกนั้นมีความเร็วที่ 266 MB/Sec
หมายความว่า AGP 8x มีความเร็วเท่ากับ2.1 GB/Sec
Slot ของ การ์ด AGP 8x และ 4x ใช้ร่วมกันได้แต่ แบบรุ่นแรกใช้ร่วมกันไม่ได้ครับ
จุดสำคัญอีกอย่างที่ถือว่าเป็นข้อด้วยของการ์ดแบบ AGP เลยก็คือ
ความเร็วของการเชื่อมไม่ผกผันตามบัสของระบบ

****PCI Express Interface
สุดยอดอินเตอร์เฟซ ที่โคตรได้รับความนิยมในขณะนี้ PCI Express
Slot มี 240 Pinไอ้ที่เราใช้ๆการ์ดกันอยู่ทุกวันนี้ก็ PCI Expressกันทั้งนั้นอ้ะแหละ
ในเวอร์ชั่น 1.1 1xจะมีแบนด์วิดธ์เท่ากับ 250 MB/Sec
เกือบลืมไปนะว่ามันเอา PCI Express เวอร์ชั่น 2.0 ออกมาขายกันเกลื่อนไปแล้ว
และแบนด์วิดธ์ ของเวอร์ชั่น 2.0มีความเร็วเป็น2เท่า ของPCI Express 1.1
คือเท่ากับ 500 MB/Sec แล้วเรามาลองคิดดูว่าแบนด์วิดธ์ของ
PCI Express1.1 16xนั้นเท่ากับ 4GB/Sec
และใน PCI Express 2.0 16x เท่ากับ 8 GB/Sec
จากการติดตามข่าวของการ์ดจอมา มีความเป็นไปได้สูงมากที่ PCI Express 3.0
จะออกมาวางตลาอทันในช่วง ปี ค.ศ 2010 ซึ่งแบนด์วิธ์ 1x จะได้
เท่ากับ 1 GB/Sec และหากมันเป็น PCI Express 3.0 16x
แบนด์วิธ์ที่ได้จะเท่ากับ 16 GB/Sec 2เท่าของ เวอร์ชั่น 2.0 เลยนะเออ !

****การระบายความร้อนของตัวการ์ด
ปัจจุบัน GPU เองก็ร้อนมากขึ้นเช่นกันเนื่องมาจากการใส่ คาปาซิสเตอร์ เข้าไปจำนวนมาก
เพื่อประสิทธิภาพการประมวลผลที่ยอดเยี่ยมดังนั้นจึงต้องการการระบายความร้อนออกจาก
ตัวกร์ดโดยเร็ว โดยการระบายความร้อนมีให้เลือกระหว่าง ฮีตซิงค์พัดลมกับฮีตไปป์
การระบายความร้อนแบบฮีตซิงค์พัดลมจะระบายความร้อนได้ค่อนข้างไว แต่อาจจะมีเสียง
รบกวนอยู่บ้าง แต่แบบฮีตไปป์จะเงียบแต่การระบายความร้อนยังเป็นรองแบบแรกอยู่นิดๆ

****Hyper Memory / Turbo Cache
หลายๆท่านอาจจะคุ้นๆกันมาบ้างแล้วนะครับ บางท่านอาจจะมีข้องสงสัยว่าเอ..
แล้วมันเป็นอย่างไร อันไหนจะดีกว่ากัน อันที่จริงแล้วไอ้ตัวระบบ
Hyper Memory / Turbo Cache เนี่ยมันก็คืออย่างเดียวกัน
สาเหตุมันมีอยู่ว่าทาง ATI เรียกระบบแบบนี้ว่า Hyper Memory
ส่วนทางNvidia เรียกว่า Turbo Cache มันจะมีมาให้ในการ์ดราคาประหยัด
ซึ่งตัวการ์ดจะมีแรมบนการ์ดมาให้ค่อนข้างต่ำ เช่น 64 MB
128 MB 256 MB ตัวการ์ดจังพ่วงระบบ Hyper Memory / Turbo Cache มาให้
ซึ่งหน้าที่ของมันคือจะดึง เอาแรมของเครื่องมาใช้ส่วนจะมากน้อยแค่ไหนก็ดูเอาข้างกล่อง
หรือเปิดค้นหาข้อมูลที่ผู้ผลิตก็ได้ครับ ว่าแชร์แรมเครื่องมามากแค่ไหน
บางท่านอาจจไม่รู้ว่าไอ้ระบบนี้บางทีมันก็หลอกเราเพราะว่าบางคน
ไม่เข้าใจเห็นว่ามีระบบ Hyper Memory / Turbo Cache 1024 MB (1GB)
โห..ตาโตครับพี่น้อง เลยซื้อมา เอาครับ โดนหลอกไปเต็มๆเหมือนน้องคนนึง
เขามาโม้ให้ผมฟังว่าการ์ดเขามีแรม 1 GB เศร้าน่ะ

****SLI / CrossFire
ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกับ SLI / CrossFire กล่าวคือ
มันเป็นระบบต่อการ์ดจอ 2 ตัวครับ(ตอนนี้มีต่อ3กับ4ตัวแล้วนะ อิอิ)
แต่ก็เอาเถอะน่าอย่างเราๆ 2 การ์ด ก็เอาให้คุ้มกันก่อนนะ ทางฝั่งของ
ATI เรียกว่า CrossFire Nvidia เรียกว่า SLI ทั้งนี้เวลาเลือกซื้อหรือจะเอามาอัพเกรด
ควรดูด้วยว่า เมนบอร์ดของท่านรองรับหรือไม่ สิ่งสำคัญที่บอร์ดต้องมีก็คือ
Slot PCI-Express16x 2 Slot(ในรุ่นปัจจุบันนะเพราะมันใช้การ์ด PCI กัน
หมดบ้านหมดเมืองกันแล้ว)และชิปเซ็ทต้องรองรับด้วยเช่นกัน
(ถ้ากล่องมันเขียนว่ารองรับ SLI / CrossFireยังไงก็ใช้ได้)
การใช้งานก็ง่ายๆแค่ต่อสาย(Bridge)ระหว่างการ์ด 2 ตัวเข้าด้วยกัน